ใครออกเดทกับ Jenny McCarthy?
จิม แคร์รี่ย์ วันที่ Jenny McCarthy จาก ถึง . ช่องว่างอายุ 10 ปี 9 เดือน 15 วัน.
Jenny McCarthy

Jennifer Ann McCarthy-Wahlberg (née McCarthy; born November 1, 1972) is an American actress, model, television personality, and anti-vaccine activist. She began her career in 1993 as a nude model for Playboy magazine and was later named their Playmate of the Year. McCarthy then had a television and film acting career, beginning as a co-host on the MTV game show Singled Out (1995–1997) and afterwards starring in the eponymous sitcom Jenny (1997–1998), as well as films including BASEketball (1998), Scream 3 (2000), Dirty Love (2005), John Tucker Must Die (2006), and Santa Baby (2006). In 2013, she hosted her own television talk show The Jenny McCarthy Show, and became a co-host of the ABC talk show The View, appearing on the program until 2014. Since 2019, McCarthy has been a judge on the Fox musical competition show The Masked Singer.
McCarthy has written several books about parenting and has promoted research into environmental causes and alternative medical treatments for autism. She has promoted the disproven idea that vaccines cause autism, and said that chelation therapy, a quack remedy, helped cure her son of autism. McCarthy's proselytization of these views has been called "dangerous", "reckless", and "uninformed". She has been described by journalists as "the nation's most prominent purveyor of anti-vaxxer ideology" and "the face of the anti-vaxx movement". She disputes the anti-vaccine label, saying she prefers the term "pro-safe-vaccine-schedule", a term that has met strong criticism.
อ่านเพิ่มเติม...จิม แคร์รี่ย์

เจมส์ ยูจีน แคร์รี (อังกฤษ: James Eugene Carrey เกิดวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2505) เป็นนักแสดง, ผู้เขียนบทและโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ชาวแคนาดา-อเมริกัน เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จจากบทบาทการแสดงในภาพยนตร์แนวตลกหลายเรื่อง โดยเขาเคยได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม 2 สมัยติดต่อกัน ในปี ค.ศ.1999 และ ค.ศ.2000 เคยหย่าร้างมาแล้วสองครั้ง "สถานะปัจจุบัน โสด"
จิม แคร์รีย์ เริ่มได้รับความสนใจจากวงการบันเทิงสหรัฐ เมื่อได้เป็นหนึ่งในนักแสดงหลักของละครโทรทัศน์เรื่อง อิน ลีฟวิง คัลเลอร์ ทางช่องฟ็อกซ์ (1990–1994) ก่อนที่เขาจะมาโด่งดังในแวดวงภาพยนตร์ฮอลลีวูดในยุคคริสต์ทศวรรษ 1990 เมื่อได้รับบทเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์แนวตลกที่ประสบความสำเร็จทางรายได้หลายเรื่อง เช่น เอซ เวนทูร่า นักสืบซูเปอร์เก๊ก, ใครว่าเราแกล้งโง่ หือ?, หน้ากากเทวดา (ค.ศ.1994), ซูเปอร์เก็ก กวนเทวดา (ค.ศ.1995) และ ขี้จุ๊เทวดาฮากลิ้ง (ค.ศ.1997) นอกจากนี้เขายังเคยได้รับบทตัวละครวายร้ายอย่าง "เดอะ ริดเลอร์" ในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรเรื่อง แบทแมน ฟอร์เอฟเวอร์ ศึกจอมโจรอมตะ (ค.ศ.1995) ที่กำกับการแสดงโดยโจเอล ชูมาเกอร์ ซึ่งถึงแม้ว่าตัวเขาจะโด่งดังมาจากบทบาทการแสดงในแนวตลกแต่กลับมาประสบความสำเร็จจากการแสดงในภาพยนตร์แนวดราม่าเรื่อง ชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมน โชว์ (ค.ศ.1998) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ดราม่า ต่อมาเขามีผลงานการแสดงในภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง ดังก็ดังวะ (ค.ศ.1999) ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นสมัยที่ 2 รวมถึงได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลแซกอวอร์ดส์
ในยุคคริสต์ทศวรรษ 2000 เขามีผลงานการแสดงเรื่อง เดี๋ยวดี เดี๋ยวเพี้ยน เปลี่ยนร่างกัน, เดอะกริ๊นช์ ตัวเขียวป่วนเมือง (ค.ศ. 2000), ผู้ชาย 2 อดีต (ค.ศ. 2001) และประสบความสำเร็จกับภาพยนตร์เรื่อง 7 วันนี้ พี่ขอเป็นพระเจ้า (ค.ศ.2003) ที่เขาทำหน้าที่เป็นทั้งโปรดิวเซอร์และแสดงนำคู่กับ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดที่เขาเคยแสดง เมื่อทำรายได้ทั่วโลกถึง 484 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนั้นได้มีผลงานการแสดงนำในภาพยนตร์อีกหลายเรื่องเช่นการแสดงนำคู่กับเคต วินสเล็ตในภาพยนตร์ไซไฟ-ดราม่า เรื่อง ลบเธอ...ให้ไม่ลืม ที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลแบฟตาและรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, เลโมนี สนิกเก็ต อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย (ค.ศ.2004) โดยในปี ค.ศ.2005 เขาได้ทำหน้าที่โปรดิวเซอร์และนักแสดงนำอีกครั้งในภาพยนตร์ตลกเรื่อง โดนอย่างนี้ พี่ขอปล้น ก่อนจะพลิกบทบาทมาแสดงนำในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ-สืบสวนสอบสวนเรื่อง 23 รหัสช็อคโลก (ค.ศ.2007) ซึ่งเป็นการกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับโจเอล ชูมาเกอร์ อีกครั้งหลังจากที่เคยร่วมงานกันมาก่อนในแบทแมน ฟอร์เอฟเวอร์ ต่อมาในปี ค.ศ.2008 เขาได้กลับมามีผลงานในภาพยนตร์แนวตลกอีกครั้งใน คนมันรุ่ง เพราะมุ่งเซย์เยส รวมถึงการพากย์เสียงตัวละครในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องฮอร์ตัน กับ โลกจิ๋วสุดมหัศจรรย์
ในปี ค.ศ.2009 จิม แคร์รีย์ รับบทนักแสดงนำคู่กับยวน แม็คเกรเกอร์ในภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง รักนะ นายมอริส โดยเป็นครั้งแรกที่เขารับบทชายรักชาย ถึงแม้การแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์และสื่อต่างๆ แต่ด้วยเนื้อหาของภาพยนตร์ทำให้ถูกฉายแบบจำกัดในหลายประเทศรวมทั้งถูกสั่งห้ามเผยแพร่ในบางประเทศ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จทางรายได้ อย่างไรก็ดีการแสดงของเขากลับมาทำรายได้อย่างสูงอีกครั้งในภาพยนตร์แอนิเมชันแฟนตาซีของวอลต์ดิสนีย์เรื่อง อาถรรพ์วันคริสต์มาส (ค.ศ.2009) ที่ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่เขาจะมีผลงานการแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง เพนกวินน่าทึ่งของนายพ็อพเพอร์ (ค.ศ.2011) และภาพยนตร์เรื่อง ใครว่าเราแกล้งโง่...วะ (ค.ศ.2014) ซึ่งเป็นภาคต่อของ ใครว่าเราแกล้งโง่...หือ? โดยทิ้งช่วงห่างจากภาคแรกที่เขาเคยแสดงไว้นานถึง 20 ปี
ในปี ค.ศ.2016 เขาแสดงในภาพยนตร์แนวอาชญากรรม-ดราม่าเรื่อง วิปริตจิตฆาตกร แต่ไม่ประสบความสำเร็จทางรายได้และถูกวิจารณ์ในเชิงลบจากสื่อต่างๆเป็นจำนวนมาก หลังจากล้มเหลวกับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเขาจึงหันไปมีผลงานทางละครโทรทัศน์กับช่องโชว์ไทม์ โดยทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการผลิตให้กับละครชุดเรื่อง แอม ดายอิง อัพ เฮียร์ ที่ออกอากาศในปี 2017–2018 และแสดงนำในละครชุดเรื่อง โลกจริง ไม่อิงนิทาน (ค.ศ.2018) ซึ่งนับเป็นการกลับไปรับบทนักแสดงนำทางละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี ของตัวเขาเอง โดยเขาได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากการแสดงในละครชุดเรื่องดังกล่าว ส่งผลให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทละครโทรทัศน์แนวเพลงหรือตลก โดยนับเป็นการเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งที่ 7 ของเขา และเดอะการ์เดียนของสหราชอาณาจักรได้จัดให้เขาอยู่ในรายชื่อนักแสดงที่ดีที่สุดที่ไม่เคยได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลออสการ์ เช่นเดียวกับมาริลิน มอนโรและเดนนิส เควด
อ่านเพิ่มเติม...