ใครออกเดทกับ Angie Dickinson?
Frank Sinatra วันที่ Angie Dickinson จาก ? ถึง ?. ช่องว่างอายุ 15 ปี 9 เดือน 18 วัน.
จอห์น เอฟ. เคนเนดี วันที่ Angie Dickinson จาก ? ถึง ?. ช่องว่างอายุ 14 ปี 4 เดือน 1 วัน.
Angie Dickinson

Angie Dickinson (born Angeline Brown; September 30, 1931) is an American retired actress. She began her career on television, appearing in many anthology series during the 1950s, before gaining her breakthrough role in Gun the Man Down (1956) with James Arness and the Western film Rio Bravo (1959) with John Wayne and Dean Martin, for which she received the Golden Globe Award for New Star of the Year.
Dickinson has appeared in more than 50 films, including China Gate (1957), Cry Terror! (1958), Ocean's 11 (1960), The Sins of Rachel Cade (1961), Jessica (1962), Captain Newman, M.D. (1963), The Killers (1964), The Art of Love (1965), The Chase (1966), Point Blank (1967), Pretty Maids All in a Row (1971), The Outside Man (1972), Big Bad Mama (1974), and Dressed to Kill (1980).
From 1974 to 1978, Dickinson starred as Sergeant "Pepper" Anderson in the NBC crime series Police Woman, for which she received the Golden Globe Award for Best Actress – Television Series Drama and three Primetime Emmy Award for Outstanding Lead Actress in a Drama Series nominations. She starred in Brian De Palma's erotic crime thriller Dressed to Kill (1980), for which she received a Saturn Award for Best Actress.
During her later career, Dickinson starred in several television movies and miniseries including Hollywood Wives (1985) and Wild Palms (1993), also playing supporting roles in films such as Even Cowgirls Get the Blues (1994), Sabrina (1995), Diagnosis Murder S5:E1 'Murder Blues' with Dick Van Dyke,
Pay It Forward (2000), and Big Bad Love (2001). Her last performance to date was in the Hallmark Channel film Mending Fences (2009).
อ่านเพิ่มเติม...Frank Sinatra

ฟรานซิส อัลเบิร์ต ซินาตรา (อังกฤษ: Francis Albert "Frank" Sinatra; 12 ธันวาคม ค.ศ. 1915 – 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1998) เป็นนักแสดง นักร้อง และโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน เขาได้กลายเป็นหนึ่งในศิลปินผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20 ด้วยยอดจำหน่ายแผ่นเสียงกว่า 150 ล้านชุดทั่วโลก ทำให้กลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่มียอดจำหน่ายสูงสุดตลอดกาล ซินาตราเกิดในโฮโบเคน รัฐนิวเจอร์ซีย์ เป็นลูกหลานของชาวอิตาลีที่อพยพเข้ามาในอเมริกา เขาเริ่มงานดนตรีในช่วงที่ ดนตรีสวิง กำลังเป็นที่นิยม โดยร่วมวงกับ แฮร์รี เจมส์ และทอมมี ดอร์ซีย์ จนต่อมาซินาตราออกมาทำงานดนตรีเดี่ยวซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จนได้เซนต์สัญญากับค่ายโคลัมเบีย ในปี ค.ศ. 1943 เขาได้ออกอัลบั้มแรกในชื่อ The Voice of Frank Sinatra (1946) แต่งานดนตรีเขาก็ได้หายไปในช่วงทศวรรษที่ 1950 ต่อมาเขาได้กลับสู่เวกาส ที่ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นอย่างมาก ในนามวงแรท แพ็ก (Rat Pack) นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 เป็นต้นมา นับเป็นช่วงที่ซินาตรากลับสู่กระแสนิยมอีกครั้ง เขาเล่นภาพยนตร์เรื่อง ชั่วนิรันดร (From Here to Eternity) ซึ่งทำให้เขาได้รางวัลออสการ์และรางวัลลูกโลกทองคำในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ซินาตราได้ออกอัลบั้มที่ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์มากมาย ได้แก่ Wee Small Hours (1955), Songs for Swingin' Lovers! (1956), Come Fly with Me (1958), Only the Lonely (1958) และ Nice 'n' Easy (1960)
ซินาตราออกจากค่ายแคปิตอล ในปี ค.ศ. 1960 แล้วออกไปเปิดค่ายเพลงของตัวเองในชื่อ รีพรีซเรคอร์ด (Reprise Records) พร้อมกับออกอัลบั้มแรกซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ในปี ค.ศ. 1965 เขาบันทึกเสียงอัลบั้ม September of My Years ซึ่งได้รับรางวัลเอ็มมีจากรายการ Frank Sinatra: A Man and His Music และมีเพลงฮิตที่โด่งดังอย่าง "Strangers in the Night" และ "My Way" ต่อมาเขาได้ออกอัลบั้ม Sinatra at the Sands ซึ่งทำการอัดเสียงที่แซนด์สโฮเทลแอนด์คาสิโน ในลาสเวกัส ร่วมกับเคาท์ เบซี ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1966 หนึ่งปีต่อจากนั้นเขาก็ได้ร่วมงานกับอังโตนีอู การ์ลูช โชบิง หนึ่งในผู้บุกเบิกแนวบอสซาโนวา คนสำคัญ ในอัลบั้ม Francis Albert Sinatra & Antonio Carlos Jobim ต่อมาก็ออกอัลบั้มร่วมกับดุค เอลลิงตัน ในอัลบั้ม Francis A. & Edward K. ปี ค.ศ. 1968 ซินาตราได้เกษียณตัวเองเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1971 แต่ก็กลับสู่วงการอีกครั้งใน 2 ปีต่อมา และได้ออกอัลบั้มมากมาย รวมถึงแสดงสดต่อที่โรงแรมซีซาร์พาเรส ซึ่งเขาใช้ลาสเวกัสเป็นฐานเรื่อยมา นอกจากนี้เขาก็ยังร่วมทัวร์ทั้งในและนอกสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1998
ซินาตราประสบความสำเร็จอย่างสูงในวงการภาพยนตร์ ภายหลังจากเขาได้รับรางวัลออสการ์จากเรื่อง ชั่วนิรันดร เขาก็ได้รับบทนำในเรื่อง The Man with the Golden Arm (1955) และต่อมาในเรื่อง The Manchurian Candidate (1962) เขายังเล่นถาพยนตร์แนวภาพยนตร์เพลงอีกหลายเรื่องเช่น On the Town (1949), Guys and Dolls (1955), High Society (1956) และ Pal Joey (1957) ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำในเวลาต่อมา ในช่วงท้ายๆ ของการเล่นภาพยนตร์ เขารับบทเป็นจารชนในภาพยนตร์ Tony Rome (1967) จนได้รางวัลลูกโลกทองคำเซซิลบี. เดอมิลล์ (Golden Globe Cecil B. DeMille Award) ในปี ค.ศ. 1971 ในงานโทรทัศน์ ซินาตราได้เริ่มรายการ เดอะแฟรงก์ ซินาตราโชว์ ออกอากาศผ่านช่องเอบีซีครั้งแรกในปี ค.ศ. 1950 และดำเนินการเรื่อยมาในช่วงทศวรรษ 1950 จนถึง 1960 ซินาตรายังมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอิทธิพลด้านมืดอย่างมาเฟีย รวมถึงการเมืองอเมริกันเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1940 เป็นต้นมา เขาได้ออกแคมเปญสนับสนุนประธานาธิบดีหลายคน ทั้ง แฮร์รี เอส. ทรูแมน จอห์น เอฟ. เคนเนดี และโรนัลด์ เรแกน แต่ถึงอย่างไรก็ดีจากการเสียชีวิตของเคนเนดี ก็ทำให้สายอิทธิพลมาเฟีย ของเขาสั่นคลอน
ซินาตรา ไม่เคยเรียนวิชาดนตรีมาก่อน เขาไม่สามารถอ่านโน้ตดนตรีได้ แต่เขาก็สามารถเข้าใจและปรับรูปแบบการร้องให้เป็นธรรมชาติได้อย่างดี เขาทำงานหนักมาตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นจุดๆหนึ่งที่ผลักดันให้เขาเรียนรู้ทักษะ ในรูปแบบลักษณะดนตรีต่างๆ เขากลายเป็นที่จดจำด้วยการแต่งกายสะอาด เนี้ยบไร้ที่ติ และมักร่วมงานกับวงดนตรีของเขาเสมอ นอกจากนี้ด้วยดวงตาที่ฟ้าอันโดดเด่นของเขา จึงได้รับฉายา "Ol' Blue Eyes" ชีวิตส่วนตัวของซินาตรานั้นเต็มไปด้วยสีสัน เขามีความสัมพันธ์กับเซเลบผู้หญิงหลายคน ไม่ว่าจะเป็นภรรยาคนที่สองของเขา เอวา การ์ดเนอร์ ในปี ค.ศ. 1966 ก็แต่งงานกับมีอา ฟาร์โรว์ และภรรยาคนสุดท้ายของเขา บาร์บารา ซินาตรา ในปี ค.ศ. 1976 บุคคลิกของซินาตรานั้นเป็นคนอารมณ์ร้าย ด้วยการมีเรื่องกับนักข่าว รวมถึงหัวหน้างานหลายครั้ง ในปี ค.ศ. 1983 เขาได้รับการยกย่องสู่เกียรติยศเคเนดีเซนเตอร์ ได้รับเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดี จากประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ในปี ค.ศ. 1985 และเหรียญทองคำสภาคอนเกรส ในปี ค.ศ. 1997 ซินาตราได้รับรางวัลแกรมมีมาแล้ว 11 ครั้ง ภายหลังจากเขาเสียชีวิต โรเบิร์ต คริสต์เกา (Robert Christgau) ก็ได้เชิดชูเขาให้เป็น "นักร้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20" เเละภาพลักษณ์ของซินาตราก็ยังคงตราเป็นสัญลักษณ์มาจวบจนทุกวันนี้
อ่านเพิ่มเติม...Angie Dickinson

จอห์น เอฟ. เคนเนดี

จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ เคนเนดี (อังกฤษ: John Fitzgerald Kennedy; 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1917 — 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963) มักจะเรียกด้วยชื่อย่อของเขาว่า เจเอฟเค เป็นนักการเมืองชาวอเมริกันที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐตั้งแต่ ค.ศ. 1961 จนกระทั่งถูกลอบสังหารในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1963 เคนเนดีได้ทำหน้าที่ในระดับสูงในช่วงสงครามเย็นและงานส่วนใหญ่ของเขาในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับสหภาพโซเวียตและคิวบา จากพรรคเดโมแครต เคนเนดีได้เป็นตัวแทนของรัฐแมสซาชูเซตส์ในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐ ก่อนที่จะเป็นประธานาธิบดี
เคนเนดีเกิดที่เมืองบรุกไลน์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1917 ที่บ้านเลขที่ 83 ถนนบีลส์สตรีต เป็นลูกของโจเซฟ แพทริก เคนเนดี นักธุรกิจและนักการเมือง กับโรส เคนเนดี นักสังคมสงเคราะห์ ปู่ของเขาเคยเป็นวุฒิสภาของรัฐแมสซาชูเซตส์ และตาของเขาเป็นสมาชิกในรัฐสภาสหรัฐและเคยได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีของเมืองบอสตัน โดยปู่ ยา ตา ยายของเขาเป็นผู้อพยพจากประเทศไอร์แลนด์ โดยเขาเป็นลูกคนที่ 2 จากบรรดาพี่น้อง 9 คน เขาได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี ค.ศ. 1940 ก่อนที่จะเข้าร่วมกองทัพเรือสำรองสหรัฐในปีต่อมา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้เป็นผู้บัญชาการบังคับการเรือลาดตระเวนตอร์ปิโดในเขตสงครามแปซิฟิกและได้รับเหรียญหน่วยทหารแห่งกองทัพเรือและนาวิกโยธิน (Navy and Marine Corps Medal) จากปฏิบัติหน้าที่ของเขา ภายหลังจากในช่วงเวลาสั้นๆ ในสื่อมวลชนหนังสือพิมพ์ เคนเนดีเป็นตัวแทนของเขตอำเภอบอสตันที่เป็นชนชั้นแรงงานในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 ถึง ค.ศ. 1953 ต่อมาเขาได้รับเลือกให้เป็นวุฒิสภาสหรัฐและดำรงตำแหน่งเป็นวุฒิสมาชิกรุ่นน้องจากรัฐแมสซาชูเซตส์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 ถึง ค.ศ. 1960 ในขณะที่ดำรงตำแหน่งในวุฒิสภา เคนเนดีได้ตีพิมพ์หนังสือของที่ชื่อว่า โปร์ไฟล์ในความกล้าหาญ ซึ่งได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ปี ค.ศ. 1960 เขาได้เอาชนะอย่างฉิวเฉียดกับริชาร์ด นิกสัน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดี
การบริหารปกครองของเคนเนดีรวมทั้งความตึงเครียดสูงกับรัฐคอมมิวนิสต์ในสงครามเย็น ด้วยเหตุนี้ เขาได้เพิ่มจำนวนที่ปรึกษาทางทหารอเมริกันในเวียดนามใต้ ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1961 เขาได้มีอำนาจในความพยายามที่จะโค่นล้มรัฐบาลคิวบาของฟิเดล กัสโตรในการบุกครองอ่าวหมู เคนเนดีได้มีอำนาจในโครงการคิวบาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1961 เขาได้ปฏิเสธปฏิบัติการนอร์ทวู้ด (แผนการด้วยการโจมตีธงปลอมเพื่อได้รับอนุมัติในการทำสงครามกับคิวบา) ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1962 อย่างไรก็ตาม การบริหารปกครองของเขายังคงวางแผนที่จะบุกครองคิวบาในฤดูร้อน ปี ค.ศ. 1962 ในเดือนตุลาคมต่อมา เครื่องบินสอดแนมของสหรัฐได้ค้นพบฐานจรวดขีปนาวุธของโซเวียตที่ถูกติดตั้งขึ้นในคิวบา ในช่วงเวลาที่เกิดความตึงเครียด ซึ่งถูกเรียกว่า วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ซึ่งเกือบที่จะส่งผลทำให้เกิดแพร่ระบาดของความขัดแย้งเทอร์โมนิวเคลียร์ทั่วโลก โครงการหมู่บ้านเชิงยุทธศาสตร์ได้เริ่มต้นขึ้นในเวียดนามในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี จากภายในประเทศ เคนเนดีได้เป็นประธานในการจัดตั้งกองกำลังรักษาสันติภาพและสืบสานโครงการอวกาศที่ชื่อว่า อพอลโล นอกจากนี้เขายังได้สนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวด้านสิทธิพลเมือง แต่ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในการส่งผ่าน ชายแดนใหม่ นโยบายภายในประเทศของเขา
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 เขาได้ถูกลอบสังหารในแดลลัส รัฐเท็กซัส รองประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อเคนเนดีได้เสียชีวิตลง ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ผู้นิยมมาร์กซิสต์และอดีตนาวิกโยธินสหรัฐ ถูกจับกุมด้วยข้อหาก่ออาชญากรรมต่อรัฐ แต่เขาก็ถูกยิงและเสียชีวิตโดยแจ็ก รูบี สองวันต่อมา สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) และคณะกรรมการวอร์เรนต่างสรุปกันว่า ออสวอลด์เป็นผู้กระทำแต่เพียงผู้เดียวในการลอบสังหาร แต่มีกลุ่มต่างๆ ได้โต้แย้งต่อรายงานวอร์เรนและเชื่อว่าเคนเนดีเป็นเหยื่อของการสมรู้ร่วมคิด ภายหลังจากเคนเนดีเสียชีวิต รัฐสภาสหรัฐได้รับข้อเสนออันมากมายของเขารวมทั้งกฎหมายสิทธิพลเมืองและกฎหมายสรรพากร ปี ค.ศ. 1964 เคนเนดีได้รับการจัดดับสูงสุดในการสำรวจความคิดเห็นต่อประธานาธิบดีสหรัฐกับนักประวัติศาสตร์และสาธารณชนทั่วไป ชีวิตด้านส่วนตัวของเขายังเป็นจุดรวมของการได้รับความสนใจที่ยั่งยืนอย่างมากมาย ภายหลังจากการเปิดเผยต่อสาธารณชนในช่วงปี ค.ศ. 1970 เกี่ยวกับสุขภาพของเขาที่เจ็บป่วยเรื้อรังและการคบชู้สาว
อ่านเพิ่มเติม...