ใครออกเดทกับ เอวา เบราน์?
Adolf Hitler วันที่ เอวา เบราน์ จาก ถึง . ช่องว่างอายุ 22 ปี 9 เดือน 17 วัน.
เอวา เบราน์

เอฟา อันนา เพาลา ฮิตเลอร์ (เยอรมัน: Eva Anna Paula Hitler) สกุลเดิม เบราน์ เป็นเพื่อนเก่าแก่ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และเป็นภรรยาของเขาในช่วง 40 ชั่วโมงสุดท้ายของชีวิต เบราน์พบฮิตเลอร์ในมิวนิกขณะที่เธอมีอายุได้ 17 ปี ขณะที่ทำงานเป็นผู้ช่วยและนางแบบของช่างถ่ายภาพส่วนตัวของเขาและเริ่มพบฮิตเลอร์บ่อยครั้งขึ้นในอีกราวสองปีถัดมา เธอเคยพยายามฆ่าตัวตายสองครั้งในความสัมพันธ์ระยะแรกระหว่างทั้งสอง ใน ค.ศ. 1936 เธอได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของฮิตเลอร์ที่แบร์คโฮฟใกล้กับแบร์ชเทิสกาเดิน และตามคำบอกเล่า เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอย่างไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนตลอดสงครามโลกครั้งที่สอง เธอชอบประพฤติตัวในแบบซึ่งฮิตเลอร์ไม่เห็นด้วยอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น สูบบุหรี่ ใส่เครื่องสำอาง และอาบแดดเปลือย เอฟาชื่นชอบการถ่ายภาพและเป็นผู้ถ่ายภาพสีและบันทึกภาพเคลื่อนไหวของฮิตเลอร์จำนวนมากที่ยังหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน เธอเป็นบุคคลสำคัญในสังคมวงในของฮิตเลอร์ เธอเริ่มเปิดตัวมากขึ้นมาช่วงกลางปี ค.ศ. 1944 เมื่อน้องสาวของเธอ เกร็ทล์ แต่งงานกับแฮร์มันน์ เฟเกิลไอน์ เจ้าหน้าที่หน่วยเอ็สเอ็ส
เมื่อนาซีเยอรมนีใกล้จะล่มสลาย เบราน์ได้สาบานความจงรักภักดีต่อฮิตเลอร์และเดินทางไปยังกรุงเบอร์ลินเพื่ออยู่เคียงข้างเขาในฟือเรอร์บุงเคอร์ที่ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนาใต้ทำเนียบนายกรัฐมนตรีไรช์ เมื่อกองทัพแดงรุกเข้าใกล้บังเกอร์เมื่อวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1945 เธอได้ประกอบพีธีแต่งงานตามกฎหมายกับฮิตเลอร์อย่างรวบรัด ขณะที่เธออายุได้ 33 ปี และฮิตเลอร์อายุ 56 ปี อีกไม่ถึง 40 ชั่วโมงจากนั้น ทั้งสองทำอัตวินิบาตกรรมในห้องนั่งเล่นของบังเกอร์ โดยเบราน์กัดแคปซูลไซยาไนด์และศพเธอถูกเผาพร้อมกับฮิตเลอร์หมดสิ้น สาธารณชนเยอรมันไม่รู้จักเบราน์เลยกระทั่งหลังเธอเสียชีวิต
อ่านเพิ่มเติม...Adolf Hitler

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (เยอรมัน: Adolf Hitler [ˈadɔlf ˈhɪtlɐ] ; 20 เมษายน ค.ศ. 1889 – 30 เมษายน ค.ศ. 1945) เป็นนักการเมืองชาวเยอรมันเชื้อชาติออสเตรีย ซึ่งเป็นผู้เผด็จการนาซีเยอรมนีตั้งแต่ ค.ศ. 1933 จนกระทั่งทำอัตวินิบาตกรรมใน ค.ศ. 1945 เขาเถลิงอำนาจในฐานะหัวหน้าพรรคนาซี ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีใน ค.ศ. 1933 และดำรงตำแหน่งฟือเรอร์และนายกรัฐมนตรีไรช์ (Führer und Reichskanzler) ใน ค.ศ. 1934 ฮิตเลอร์เป็นผู้จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป โดยเป็นที่ทราบกันดีในประวัติศาสตร์ว่าหนึ่งในนโยบายทางการเมืองของเขาที่มีต่อเยอรมนีได้นำไปสู่การทำลายล้างปฏิปักษ์ทางการเมืองของระบอบนาซีและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฮอโลคอสต์ทั่วทั้งทวีปยุโรป
ฮิตเลอร์เป็นทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่หนึ่งผู้ได้รับเหรียญกางเขนเหล็ก ต่อมา ฮิตเลอร์ได้เข้าร่วมพรรคกรรมกรเยอรมันใน ค.ศ. 1919 ซึ่งเป็นพรรคการเมืองก่อนหน้าพรรคนาซี ก่อนจะได้เป็นหัวหน้าพรรคนาซีใน ค.ศ. 1921 เขาพยายามก่อรัฐประหารซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ กบฏโรงเบียร์ ในเมืองมิวนิก เมื่อวันที่ 8–9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1923 แต่ล้มเหลว ฮิตเลอร์ถูกจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งในระหว่างนั้นเองที่เขาเขียนบันทึกความทรงจำ ไมน์คัมพฟ์ ("การต่อสู้ของข้าพเจ้า") หลังได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 1924 เขาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนโดยการโจมตีสนธิสัญญาแวร์ซาย และการเสนออุดมการณ์รวมกลุ่มเยอรมัน การต่อต้านยิว และการต่อต้านคอมมิวนิสต์ ด้วยวาทศิลป์อันมีเสน่ห์ดึงดูดและการโฆษณาชวนเชื่อนาซี หลังได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1933 เขาเปลี่ยนสาธารณรัฐไวมาร์เป็นนาซีเยอรมนี รัฐเผด็จการพรรคการเมืองเดียว ภายใต้อุดมการณ์นาซีอันมีลักษณะเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จและอัตตาธิปไตย เป้าหมายของเขาคือ ระเบียบโลกใหม่ ที่ให้นาซีเยอรมนีครอบงำยุโรปภาคพื้นทวีปอย่างสมบูรณ์
นโยบายต่างประเทศและในประเทศของฮิตเลอร์มีความมุ่งหมายเพื่อยึดเลเบินส์เราม์ ("พื้นที่อยู่อาศัย") เป็นของชาวเยอรมัน เขานำการสร้างเสริมกำลังอาวุธขึ้นใหม่และการบุกครองโปแลนด์ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 อันนำไปสู่การปะทุของสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป ภายในสามปีใต้การนำของฮิตเลอร์ กองทัพเยอรมันและพันธมิตรในยุโรปยึดครองดินแดนยุโรปและแอฟริกาเหนือส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ค่อยพลิกผันหลัง ค.ศ. 1941 กระทั่งกองทัพสัมพันธมิตรเอาชนะกองทัพเยอรมันใน ค.ศ. 1945 นโยบายความสูงสุดและที่กระตุ้นด้วยการถือชาติพันธุ์ของฮิตเลอร์ลงเอยด้วยการฆาตกรรมผู้คนนับ 17 ล้านคนอย่างเป็นระบบ ในจำนวนนี้เป็นชาวยิวเกือบหกล้านคน
ปลายสงคราม ระหว่างยุทธการเบอร์ลินใน ค.ศ. 1945 ฮิตเลอร์แต่งงานกับเอฟา เบราน์ ทั้งสองทำอัตวินิบาตกรรมเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1945 เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกกองทัพแดงของโซเวียตจับตัว และสั่งให้เผาร่างของตน
อ่านเพิ่มเติม...