ใครออกเดทกับ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี?

เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี

เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี
เกิดเมื่อวันที่
คำอธิบายที่จะเพิ่มเร็ว ๆ นี้
 

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระราชสมภพ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงครองราชสมบัติตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จนถึงปัจจุบัน

พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสยามมกุฎราชกุมารใน พ.ศ. 2515 เวลานั้นมีพระชนมายุ 20 พรรษา ครั้นสมเด็จพระบรมชนกนาถเสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 มีการคาดการณ์ว่า พระองค์จะทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อทันที แต่ทรงผัดผ่อนไปก่อน เพื่อให้เวลาประชาชนไว้อาลัยสมเด็จพระบรมชนกนาถ กระทั่งวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559 จึงทรงรับการอัญเชิญขึ้นทรงราชย์ แต่รัฐบาลให้นับรัชสมัยของพระองค์ย้อนหลังไปถึงวันสวรรคตของสมเด็จพระบรมชนกนาถ เนื่องด้วยพระชนมพรรษา 64 พรรษา พระองค์จึงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่มีพระชนมพรรษาสูงที่สุดในวันที่เสด็จขึ้นทรงราชย์ พระองค์ทรงจัดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชบิดาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระองค์จัดขึ้นในวันที่ 4–6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ในช่วงต้นรัชกาล พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับที่พระตำหนักในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เป็นส่วนใหญ่ พระองค์อภิเษกสมรสและทรงหย่าร้างหลายครั้ง และทรงแต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็นพระอัครมเหสีพระองค์ปัจจุบันในคราวราชาภิเษก และยังทรงมีภริยาคนอื่นอีกในเวลาเดียวกัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 100 ปีที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงมีคู่ครองหลายคน พระองค์ยังทรงมีบทบาททางการเมือง โดยทรงให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 ในประเด็นเกี่ยวกับพระราชอำนาจ ถึงแม้ร่างนั้นจะผ่านประชามติแล้ว และในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2562 พระองค์ทรงออกประกาศประณามการรับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเชษฐภคินี และทรงให้ออกอากาศพระราชดำรัสของพระราชบิดาว่าด้วยการเลือก "คนดี" ในคืนก่อนวันเลือกตั้ง นอกจากนี้ ในรัชสมัยของพระองค์ ยังมีการโอนกองกำลังและงบประมาณสาธารณะบางส่วนไปขึ้นกับพระองค์โดยตรง ทั้งมีการจัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เสียใหม่ โดยให้ขึ้นอยู่กับพระราชอำนาจที่จะจัดการตามพระราชอัธยาศัย และมีการเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองมาเป็นพระปรมาภิไธยโดยตรง เว็บไซต์ บิสซิเนสอินไซเดอร์ ประเมินพระราชทรัพย์ของพระองค์ใน พ.ศ. 2563 ไว้ที่ 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลก พระองค์ทรงมีหุ้นสูงสุดในดอยคำ ปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และเทเวศประกันภัย อนึ่ง ใน พ.ศ. 2564 มีการเปิดโปงเอกสารฝากตำแหน่งตำรวจ ที่เรียกว่า "ตั๋วช้าง" ซึ่งเป็นเอกสารกราบบังคมทูลขอให้พระองค์ทรงสนับสนุนการแต่งตั้งหรือเลื่อนยศนายตำรวจ ต่อมาในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2565 ธนาคารไทยพาณิชย์แจ้งว่า พระองค์ทรงเป็นเจ้าของธนาคารไทยพาณิชย์ในอัตรา 23.58%

นับตั้งแต่ พ.ศ. 2563 เกิดการประท้วงในทั่วประเทศเพื่อให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และจำกัดพระราชอำนาจ มีการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยมากขึ้น ทั้งมีการเรียกร้องให้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นสาธารณรัฐ ผู้มีส่วนร่วมในการดังกล่าวถูกจับกุม คุมขัง และดำเนินคดีอย่างกว้างขวางในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีสถิติว่าในระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ถึง 6 เมษายน พ.ศ. 2566 มีผู้ถูกดำเนินคดีแล้ว 239 ราย

อ่านเพิ่มเติม...
 

เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี

เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี
 

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระราชสมภพ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงครองราชสมบัติตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จนถึงปัจจุบัน

พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสยามมกุฎราชกุมารใน พ.ศ. 2515 เวลานั้นมีพระชนมายุ 20 พรรษา ครั้นสมเด็จพระบรมชนกนาถเสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 มีการคาดการณ์ว่า พระองค์จะทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อทันที แต่ทรงผัดผ่อนไปก่อน เพื่อให้เวลาประชาชนไว้อาลัยสมเด็จพระบรมชนกนาถ กระทั่งวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559 จึงทรงรับการอัญเชิญขึ้นทรงราชย์ แต่รัฐบาลให้นับรัชสมัยของพระองค์ย้อนหลังไปถึงวันสวรรคตของสมเด็จพระบรมชนกนาถ เนื่องด้วยพระชนมพรรษา 64 พรรษา พระองค์จึงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่มีพระชนมพรรษาสูงที่สุดในวันที่เสด็จขึ้นทรงราชย์ พระองค์ทรงจัดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชบิดาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระองค์จัดขึ้นในวันที่ 4–6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ในช่วงต้นรัชกาล พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับที่พระตำหนักในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เป็นส่วนใหญ่ พระองค์อภิเษกสมรสและทรงหย่าร้างหลายครั้ง และทรงแต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็นพระอัครมเหสีพระองค์ปัจจุบันในคราวราชาภิเษก และยังทรงมีภริยาคนอื่นอีกในเวลาเดียวกัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 100 ปีที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงมีคู่ครองหลายคน พระองค์ยังทรงมีบทบาททางการเมือง โดยทรงให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 ในประเด็นเกี่ยวกับพระราชอำนาจ ถึงแม้ร่างนั้นจะผ่านประชามติแล้ว และในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2562 พระองค์ทรงออกประกาศประณามการรับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเชษฐภคินี และทรงให้ออกอากาศพระราชดำรัสของพระราชบิดาว่าด้วยการเลือก "คนดี" ในคืนก่อนวันเลือกตั้ง นอกจากนี้ ในรัชสมัยของพระองค์ ยังมีการโอนกองกำลังและงบประมาณสาธารณะบางส่วนไปขึ้นกับพระองค์โดยตรง ทั้งมีการจัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เสียใหม่ โดยให้ขึ้นอยู่กับพระราชอำนาจที่จะจัดการตามพระราชอัธยาศัย และมีการเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองมาเป็นพระปรมาภิไธยโดยตรง เว็บไซต์ บิสซิเนสอินไซเดอร์ ประเมินพระราชทรัพย์ของพระองค์ใน พ.ศ. 2563 ไว้ที่ 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลก พระองค์ทรงมีหุ้นสูงสุดในดอยคำ ปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และเทเวศประกันภัย อนึ่ง ใน พ.ศ. 2564 มีการเปิดโปงเอกสารฝากตำแหน่งตำรวจ ที่เรียกว่า "ตั๋วช้าง" ซึ่งเป็นเอกสารกราบบังคมทูลขอให้พระองค์ทรงสนับสนุนการแต่งตั้งหรือเลื่อนยศนายตำรวจ ต่อมาในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2565 ธนาคารไทยพาณิชย์แจ้งว่า พระองค์ทรงเป็นเจ้าของธนาคารไทยพาณิชย์ในอัตรา 23.58%

นับตั้งแต่ พ.ศ. 2563 เกิดการประท้วงในทั่วประเทศเพื่อให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และจำกัดพระราชอำนาจ มีการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยมากขึ้น ทั้งมีการเรียกร้องให้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นสาธารณรัฐ ผู้มีส่วนร่วมในการดังกล่าวถูกจับกุม คุมขัง และดำเนินคดีอย่างกว้างขวางในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีสถิติว่าในระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ถึง 6 เมษายน พ.ศ. 2566 มีผู้ถูกดำเนินคดีแล้ว 239 ราย

อ่านเพิ่มเติม...