ใครออกเดทกับ โจเซฟ สตาลิน?

  • Lidiya Pereprygina วันที่ โจเซฟ สตาลิน จาก ? ถึง ?.

โจเซฟ สตาลิน

โจเซฟ สตาลิน

อีโอซิฟ วิสซารีโอโนวิช สตาลิน (รัสเซีย: Иосиф Виссарионович Сталин, อักษรโรมัน: Iosif Vissarionovich Stalin, สัทอักษรสากล: [ɪˈosʲɪf vʲɪsərʲɪˈonəvʲɪt͡ɕ ˈstalʲɪn]) หรือ โจเซฟ สตาลิน (อังกฤษ: Joseph Stalin; 18 ธันวาคม [ตามปฎิทินเก่า: 6 ธันวาคม] ค.ศ. 1878 – 5 มีนาคม ค.ศ. 1953) เป็นนักปฏิวัติและผู้นำทางการเมืองโซเวียตชาวจอร์เจียซึ่งปกครองสหภาพโซเวียต ตั้งแต่ ค.ศ. 1924 จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมใน ค.ศ. 1953 เขาได้ขึ้นเถลิงอำนาจด้วยการขึ้นดำรงตำแหน่งทั้งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต (ค.ศ. 1922-1952) และประธานสภารัฐมนตรีแห่งสหภาพโซเวียต (ค.ศ. 1941-1953) แม้ว่าในช่วงแรกจะปกครองประเทศด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้นำส่วนรวม จนในที่สุดเขาก็รวบอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จจนกลายเป็นเผด็จการแห่งสหภาพโซเวียต ใน ค.ศ. 1930 ในอุดมการณ์ของลัทธิคอมมิวนิสต์ที่มุ่งมั่นถึงการตีความลัทธิมากซ์ของฝ่ายนิยมลัทธิเลนิน สตาลินได้เรียกแนวคิดนี้อย่างเป็นทางการว่า ลัทธิมากซ์-เลนิน ในขณะที่นโยบายของเขาเองที่ได้เรียกกันว่า ลัทธิสตาลิน

เขาเกิดในครอบครัวยากจนจากเมืองกอรี ในจักรวรรดิรัสเซีย (ปัจจุบันคือ ประเทศจอร์เจีย) สตาลินได้เข้าเรียนที่สำนักเสมินาร์จิตวิญญาณแห่งทิฟลิส (Tbilisi Spiritual Seminary) ก่อนที่จะเข้าร่วมพรรคแรงงานสังคมประชาธิปไตยรัสเซียของฝ่ายนิยมลัทธิมากซ์ในที่สุด เขาได้ทำการแก้ไขหนังสือพิมพ์ประจำพรรคที่มีชื่อว่า ปราฟดา("ความจริง") และระดมเงินทุนให้กับกลุ่มบอลเชวิคของวลาดีมีร์ เลนิน ผ่านทางการโจรกรรม การลักพาตัว และเงินค่าคุ้มครอง ซึ่งถูกจับกุมมาหลายครั้งแล้ว เขาจึงถูกเนรเทศภายในประเทศมาหลายครั้งเช่นกัน ภายหลังจากที่พวกบอลเชวิคได้เข้ายึดอำนาจในช่วงการปฏิวัติเดือนตุลาคม และสร้างรัฐพรรคการเมืองเดียวภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์ที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ใน ค.ศ. 1917 สตาลินได้เข้าร่วมกับโปลิตบูโรในการปกครอง เข้าเป็นทหารในสงครามกลางเมืองรัสเซีย ก่อนที่จะเข้าควบคุมดูแลการก่อตั้งสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1922 สตาลินได้ขึ้นรับตำแหน่งเป็นผู้นำประเทศ ภายหลังการเสียชีวิตของเลนินใน ค.ศ. 1924 ภายใต้การนำของสตาลิน ลัทธิสังคมนิยมในประเทศเดียวกลายเป็นหลักการที่สำคัญของความเชื่อของพรรค ด้วยผลลัพธ์มาจากแผนห้าปีที่ถูกดำเนินภายใต้การนำของเขา ประเทศได้ทำการรวบรวมผลผลิตทางเกษตรกรรมโดยรวม(agricultural collectivisation) และการทำให้เป็นอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว การสร้างเศรษฐกิจโดยสั่งการแบบรวมอำนาจ (a centralised command economy) สิ่งเหล่านี้นำไปสู่การหยุดชะงักของการผลิตอาหารอย่างรุนแรง ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดทุกขพิภัยใน ค.ศ. 1932-33 เพื่อเป็นการกำจัดผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "ศัตรูของชนชั้นกรรมกร" สตาลินได้จัดตั้งการกวาดล้างครั้งใหญ่ ซึ่งมีผู้ที่ถูกคุมขังจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านคนและจำนวนผู้ถูกประหารชีวิตอย่างน้อย 700,000 คน ระหว่างปี ค.ศ. 1934 และ ค.ศ. 1939 ใน ค.ศ. 1937 เขาสามารถควบคุมพรรคและรัฐบาลได้อย่างเบ็ดเสร็จ

สตาลินได้ส่งเสริมลัทธิมากซ์-เลนินจากต่างประเทศผ่านทางองค์การคอมมิวนิสต์สากล และให้การสนับสนุนขบวนการต่อต้านฟาสซิสต์ในยุโรปในช่วงปี ค.ศ. 1930 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามกลางเมืองสเปน ใน ค.ศ. 1939 ระบอบการปกครองของเขาได้ลงนามในกติกาสัญญาไม่รุกรานกันกับนาซีเยอรมนี ส่งผลทำให้โซเวียตบุกครองโปแลนด์ เยอรมนีได้ยุติกติกาสัญญาที่ได้ทำกันมาโดยการรุกรานสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1941 แม้ว่าจะพ่ายแพ้ในช่วงแรก แต่กองทัพแดงกลับสามารถขับไล่เยอรมันผู้รุกรานไปได้และเข้ายึดครองกรุงเบอร์ลินใน ค.ศ. 1945 ซึ่งทำให้สงครามโลกครั้งที่สองในยุโรปได้ยุติลง ท่ามกลางสงคราม โซเวียตได้ผนวกรัฐบอลติกและจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นแนวร่วมกับโซเวียตทั่วทั้งยุโรปกลางและตะวันออก จีน และเกาหลีเหนือ สหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นอภิมหาอำนาจโลกและเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด สงครามเย็น สตาลินได้เป็นผู้นำในการฟื้นฟูสภาพหลังสงครามของโซเวียตและการพัฒนาระเบิดปรมาณูใน ค.ศ. 1949 ในช่วงปีเหล่านี้ ประเทศกำลังประสบภาวะทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งและการณรงค์ต่อต้านชาวยิวซึ่งนำไปสู่แผนลับแพทย์ (doctors' plot) ภายหลังจากการเสียชีวิตของสตาลินใน ค.ศ. 1953 ในที่สุดเขาก็ได้รับการสืบทอดตำแหน่งโดยนีกีตา ครุชชอฟ ซึ่งต่อมาในภายหลังได้กล่าวประณามถึงความโหดร้ายจากการปกครองของเขาและริเริ่มการล้มล้างอิทธิพลของสตาลินในสังคมโซเวียต

จากการที่ได้รับการนับถืออย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุดในทศวรรษที่ 20 สตาลินเป็นหัวข้อของลัทธิบูชาบุคคลที่ได้กระจายแพร่หลายภายในขบวนการลัทธิมากซ์-เลนินระดับสากล ซึ่งได้เคารพเทิดทูนในฐานะนักสู้แห่งชนชั้นกรรมกรและสังคมนิยม นับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต สตาลินยังคงได้รับความนิยมในรัสเซียและจอร์เจียในฐานะผู้นำยามสงครามที่ได้รับชัยชนะ ซึ่งยึดมั่นสถานะของสหภาพโซเวียตในฐานะมหาอำนาจโลกที่สำคัญ ในทางตรงกันข้าม ระบอบการปกครองของเขาถูกมองว่าเป็นเผด็จการ และถูกประณามอย่างกว้างขวางจากการควบคุมดูแลการปราบปรามมวลชน การกวาดล้างชาติพันธุ์ การขับเนรเทศในวงกว้าง การประหารชีวิตนับแสนครั้ง และทุพภิกขภัยที่ได้คร่าชีวิตผู้คนนับล้าน

อ่านเพิ่มเติม...
 

Lidiya Pereprygina

เกิดเมื่อวันที่
คำอธิบายที่จะเพิ่มเร็ว ๆ นี้